US VISA – the experience that i never forget.

วันนี้จะมาเล่าประสบการ์ดีๆ ในการขอ VISA ไป อเมริกามาให้ฟังกันครับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ ที่ได้เคยทำเรื่องอย่างนี้…

วันที่ 23 Dec 2009 – เช้านี้หลังจากการเข้าประชุมที่ทำงานปรกติ ผมได้รับจดหมายเชิญ invite letter เพื่อให้ไป อเมริกาจากทางบริษัท เรื่องเกี่ยวกับ new machine ตัวใหม่ที่จะนำมาติดตั้งที่โรงงาน ผลิต Harddisk Drive เพื่อทดสอบหัวอ่านเขียนในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ ถูกพูดคุยมาประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่วันนี้ผมเพิ่งได้ยืนยันว่าให้ไปจริงๆ

วันที่ 24 Dec 2009 – ตอน เช้าๆ รีบโทรติดต่อไปหาแผนก Travel ภายในบริษัท เรื่องการทำเอกสารและขั้นตอนเพื่อไปอเมริกา โอ้ พระเจ้าจ๊อต พอเห็นขึ้นตอนแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ

ผมสรุป คร่าวๆ ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพือขอ VISA เพื่อเดินทางไปสหรัฐอเมริกา (last update 4 Jan 2010)

นี่เป็นประสบการที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อใครที่อยากหาข้อมูลในการทำ VISA ไปอเมริกา และพอจะรับทราบขั้นตอนคร่าวๆ เพื่อที่จะได้ไม่พลาด และไม่เสียทั้งเงิน ไม่เสียทั้งเวลา… โดยข้อความทั้งหมดมิได้มีเจตนาลบหลู่ทางสถานทูตแต่อย่างใด ถ้ามีอะไรที่ไม่เหมาะสมให้แจ้งกลับ chokelive@gmail.com ด้วยครับ ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง

1. เข้าไปกรอกเอกสาร 2 ฉบับ คือ DS-156, DS-157 ที่เว็บไซต์ สถานทูตอเมริกา https://thailand.us-visaservices.com

2. ไปที่ไปรษณีประจำจังหวัด (ย้ำว่าประจำจังหวัดนะครับ เพาะผมไปที่ไปรษณ์อำเภอแล้วไม่ได้เรื่อง) แล้วไปขอซื้อ pin code (408 บาท) เพื่อเข้าไปทำ appointment เพื่อขอวันนัดสัมภาษณ์ VISA และ จ่ายค่าธรรมเนียมในการขอ VISA (4454 บาท)

3. เมื่อได้ Pin code มาแล้ว ให้รอจนหลัง บ่าย โมงของวันทำการถัดไป (ผมซื้อมาวันเสาร์ ใช้ได้วันจันทร์หลังบ่ายโมง) แล้วเข้าไปที่เว็บ https://thailand.us-visaservices.com อีกครั้ง แล้ว create user พร้อมกับกรอก pin code ที่เราซื้อมาจากไปรษณีย์ แล้วทำตามขั้นตอนจนกระทั่งหน้าสุดท้าย เขาจะให้เราเลือกวันและเวลานัดสัมภาษณ์ที่เราสะดวกจะไปได้เอง อ้อ ถ้างงภาษาอังกฤษที่เว็บก็จะมีภาษาไทยให้ดูด้วยครับ เพื่อความถูกต้องมากยิ่งขึ้น

4. เรียบร้อยได้ วันสัมภาษณ์มาแล้ว กก่อนไปสัมภาษณ์ ก็เตีรยมเอกสาร DS-156, DS-157 พร้อมกับ invite letter และ หนังสือรับรองพนักงานว่าเราทำงานอยู่ บริษัทนี้จริง หร้อมทั้งใบเสร็จค่า VISA ที่เป็นใบขาวๆ (ราคา 4454 บาท นั้นแหละ) เอาไปด้วย

5. วันสัมภาษณ์ สถาทูตจะอยู่ ถ. วิทยุ แถวๆ สถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ไปถึง แล้วนั้งมองไซต์ไปก็ได้จะได้ไปถูกและเร็ว ไปก่อนสัมภาษณ์สัก 30 นาที.

6. มาถึงสถาทูตแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร โชว์ให้ดูว่าเรามีนัดสัมภาษณ์ แล้วจะมี รปภ มายึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เราไว้หมด (โทรศัพท์ หูฟัง memory card คลิปหนีบกระดาษ) อ้อ แล้วไปถึงหน้าสถาทูต ห้ามยืนโทรศัพท์อยู่หน้าสถานทูตด้วยครับ จะมี รปภ. เดินมาตักเตือน ผมโดนมาแล้ว อิอิ..

7. หลังจากฝากของหมดแล้วเดินเข้าไปข้างในต่อแถว จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คเอกสารและจัดเรียงเรียบร้อย แล้วจะให้เราไปซื้อซองไปรษณีย์ 75 บาท เพื่อส่ง VISA ถึงบ้านตัวเองในกรณีที่ VISA ผ่าน

8. หลังจากนั้นไปยืนเอกสารที่ counter จะมีเจ้าหน้าที่คนไทย มาสัมภาษณ์แบบ mini ก่อนว่าไปไหน กี่วัน มาจากบริษัทอะไร ในกรณีผม จะถามว่าไปกี่คน ปรกติเห็นชื่อ บริษัทนี้จะมากันเป็น group นี่ อิอิ ก็ว่ากันไป…

9. หลังจากนั้น ก็เข้าไปรอเพื่อสัมภาษณ์ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะสัมภาษณ์ภาษาไทย หรือ อังกฤษ แต่ระดับ วิศวกร แล้วจะเลือกภาษาไทย ก็กลัวเสียชาติเกิด เลยเลือกภาษาอังกฤษไปเลยครับ เพิ่มความเสียวให้กับตัวเองไปอีก เพราะกลัวไปยืนอึ้งแล้วตอบไม่ได้

10. หลังจากที่นั้งตื่นเต้นมาพักนึง แล้วก็ เห็นผู้เข้าร่วมสัมภาษณ์ ได้รับเอกสารคืนไปหลายคน เพราะไม่ผ่าน ในกรณีที่สัมภาษณ์ผ่านเขาจะยึดเอกสารเราไปหมดเลยครับ ในกรณีที่สัมภาษณ์ไม่ผ่าน เาขาจะคืนเอกสารเดี๋ยวนั้นเลย

11. พอมาถึงคิวผมแล้ว เดินเข้าไป หัวใจเต้น ตุ้มๆ ต่อมๆ คำแรกที่ได้ทักทายจากผู้สัมภาษณ์ก็คือ “Hi Good morning sir” ผมก็ทักกลับไปเช่นกัน “Hi good morning….

หลังจากนั้น ก้เป็นช่วง ยิงคำถามแล้วครับ สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ ถามคำตอบคำอย่างผม สรุปได้ดังนี้

คุณจะไปทำอะไร
เครื่อง machine ที่คุณจะไปเทรน เป็นเครื่องชนิดไหน
คุณแต่งงานหรือยัง
ทำงานมากี่ปีแล้ว
คุณเป็นวิศวกรด้านไหน
ไปแล้วจะกลับมาใช่หรือไม่
จะเดินทางวันไหน
ไปกี่วัน
ไปรัฐนี้ใช่ไหม

คำถามที่ผมจำได้ประมาณนี้ ใช้เวลา ไม่ถึง 10 นาทีครับ หลังจากนั้น เข้าจะให้ผมวางนิ้วชี้เพื่อสแกน แล้วก็บอกว่า VISA ของคุณจะส่งกลับไปให้ภายใน 2 ถึง 4 วัน thank you

หลังจากนั้น เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยครับ ผมเดินยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ จนลืมความหิวไปเลย……………

นี่แหละครับ ประสบการณ์ในการขอ VISA ที่ผมนำมาเล่าให้ฟัง คิดว่ามันคงเป็นความทรงจำที่ดีไปอีกนานครับ…..

3 thoughts on “US VISA – the experience that i never forget.”

  1. โอ้… ขั้นตอนเยอะจังเลย

    แล้วนี่ต้องไปรัฐไหนล่ะเนี่ย

    Reply

Leave a Reply to Jman Cancel reply